โครงงานวิทยาศาสตร์
การทำน้ำตะไคร้เพื่อสุขภาพ
จัดทำโดย
1. นางสาวธัญญา ทองหยู่ เลขที่ 19
2. นางสาวเบญจพร ทองศรีแก้ว เลขที่ 14
ครูที่ปรึกษาการจัดทำโครงงาน
อาจารย์ ดร.จิตสถา เตชะทวีกุล
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
โครงงาน “น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ” เป็นโครงงานที่จัดทำขึ้นเพื่อตอบสนองความสนใจของ
นัก เรียนโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการร่วมกันวางแผนกิจกรรมที่หลาก หลายแต่ละกิจกรรมล้วนเป็นกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ และการดำเนินกิจกรรมแต่ละกิจกรรมดำเนินไปอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอน จึงทำให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างแท้จริง
นัก เรียนโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการร่วมกันวางแผนกิจกรรมที่หลาก หลายแต่ละกิจกรรมล้วนเป็นกิจกรรมที่เน้นการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นสำคัญ และการดำเนินกิจกรรมแต่ละกิจกรรมดำเนินไปอย่างมีระบบและเป็นขั้นตอน จึงทำให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ในการเรียนรู้อย่างแท้จริง
ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเรียนรู้แบบโคตรงงานนี้จะเป็นประโยชน์สำหนับนักเรียน และผู้สนใจไม่มากก็น้อย และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือในการรวบรวมข้อมูลในการทำโครงงานนี้
จุดประสงค์ของโครงงาน
๑. นักเรียนสามารถเสนอเรื่องที่ตนสนใจ รวมไปถึงการเลือกหัวข้อเรื่องที่ตนเองสนใจ
และอยากเรียนได้
๒. นักเรียนสามารถเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องน้ำสมุนไพรที่ตนเองรุจักได้
๓. นักเรียนสามารถตั้งสมมติฐานก่อนการแสวงหาคำตอบได้
๔. นักเรียนสามารถบอกได้ว่ามีพืชชนิดใดบ้างที่สามารถนำมาทำน้ำสมุนไพรได้
๕. นักเรียนสามารถบอกได้ว่าน้ำสมุนไพรแต่ละชนิดมีสรรพคุณทางยาอย่างไรบ้าง
๖. นักเรียนสามารถร่วมกันสร้างแบบสำรวจเรื่อง น้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพเพื่อใช้ในการสำรวจ
ข้อมูลได้
ข้อมูลได้
๗. นักเรียนได้รับความรู้ใหม่ๆจากการทำโครงงานเรื่องน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
๘. นักเรียนสามารถคิดค้นสูตรการทำน้ำสมุนไพรตามแนวคิดของตนเองได้
๙. นักเรียนได้เรียนรู้จักการทำงานร่วมกันโดยใช้กระบวนการกลุ่ม
๑๐. นักเรียนสามารถนำเสนอผลงานของตนเองได้ในรูปแบบการจัดนิทรรศการ
กิจกรรมที่ทำในโครงงาน
๑. สืบค้นหาความรู้ที่ห้องสมุดของโรงเรียน
๒. สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
๓. การแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากบุคคล เช่น ครู แม่ค้าขายน้ำผลไม้
ผู้ปกครองนักเรียน ฯ
๔. การทำแบบสำรวจจากบุคคลภายในโรงเรียน และนอกโรงเรียน ในข้อคำถามว่า
น้ำสมุนไพรทำมาจากพืชชนิดใดได้บ้าง
น้ำสมุนไพรทำมาจากพืชชนิดใดได้บ้าง
๖. การทดลองทำน้ำสมุนไพรจากพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
เนื่องจากลุ่มของดิฉันได้สนใจการทำน้ำสมุนไพรเพราะมีความเห็นว่าในบริเวณโรงเรียนมีพืชสมุนไพรมากมายหลายชนิด เช่น ตะไคร้ ขิง พืชสมุนไพรเหล่านี้มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื่องจากมีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีนสูง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ฯลฯ จึงสมควรที่นำมาแปรรูปเป็นน้ำสมุนไพร เพื่อดื่มแทนน้ำอัดลม ถ้าเราดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร กลุ่มของดิฉัน จึงทำโครงงานน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพ
วัตถุประสงค์ของการการศึกษา
1. เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง
2. ช่วยประหยัดเงินและช่วยรักษาโรค
3. เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
4. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
สมมติฐานการศึกษา
ทุกคนต้องหันมาดื่มน้ำสมุนไพรแทนน้ำอัดลมได้และได้รับประโยชน์ของสมุนไพร
บทที่ 2
การศึกษาเอกสารอ้างอิง
ตะไคร้บ้าน (Cymbopogon citratus (DC.) Staph)
ชื่อท้องถิ่น: จะไคร (ภาคเหนือ) ไคร (ภาคใต้) คาหอม (แม่ฮ่องสอน) เชิดเกรย ,เหลอะเกรย (เขมร-สุรินทร์), ห่อวอตะโป่(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
มีลักษณะ: เป็นพืชล้มลุก ความสูงประมาณ 4-6 ฟุต ใบยาวเรียว ปลายใบมีขนหนามลำต้นรวมกันเป็นกอ มีกลิ่นหอม ดอกออกเป็นช่อยาวมีดอกเล็กฝอยเป็นจำนวนมาก ตะไคร้ เป็นพืชที่สามารถนำส่วนต้นหัวไปประกอบอาหาร และจัดเป็นพืชสมุนไพรด้วย
ถิ่นกำเนิด: ตะไคร้มีถิ่นกำเนิด ในประเทศอินโดนีเซีย ศรีลังกา พม่า อินเดีย ไทย และในทวี
การปลูกและขยายพันธุ์ : ปลูกได้การปักชำต้นเหง้า โดยตัดใบออกให้เหลือตอนโคนประมาณหนึ่งคืบ นำมาปักชำไว้สักหนึ่งสัปดาห์ก็จะมี รากงอกออกมาแล้วนำไปลงแปลงดินที่เตรียมไว้ หรืออาจใช้วิธีเอาโคนปักลงไปที่ดินซึ่งเตรียมไว้เลย ให้ห่างประมาณหนึ่งศอก ถ้าปลูกในกระถางใช้วิธีปัก โคนลงในกระถางๆละ 2-3 ต้นก็ได้ แล้วหมั่นรดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็น ตั้งไว้ให้โดนแดดตลอดวันจะทำให้โตได้เร็ว ตะไคร้ชอบดินร่วนซุย เป็นพืชที่ชอบน้ำ ชอบแดด ดูแลรดน้ำเสมอและโดนแดดได้ตลอดวัน เจริญได้ในดินแทบทุกชนิด เวลาจะใช้ก็ให้ตัดที่โคนสุดส่วนรากเลย แล้วถอนออกมา ทั้งต้นตามต้องการ ต้องคอยตรวจดูเมื่อตะไคร้มีกอเจริญเติบโตได้เต็มที่แล้ว ต้องถอนทิ้งหรือแยกออกไปปลูกใหม่บ้าง หรือเอาไปใช้บ้าง จำนำมาหั่นเป็นฝอยๆ ตากแดดให้แห้งสนิทแล้วแพ็คเก็บไว้ใช้ได้นานๆ เพื่อให้ต้นอ่อนโตขึ้นมาใหม่ ถ้าไม่แยกออกไปต้นจะเล็กและลีบลงเรื่อยๆ และบางที่ก็แคระแกร็น ต้นและกอก็จะโทรม ต้องล้างและปลูกใหม่ทั้งหมด
สรรพคุณ : ใช้ส่วนของเหง้าและลำต้นแก่ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารที่สำคัญหลายชนิดเช่น ต้มยำและอาหารไทยหลายชนิด ให้กลิ่นหอม มีสรรพคุณทางยาเช่น บำรุงธาตุ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ทำให้เจริญอาหาร แก้โรคหืด แก้อหิวาตกโรค บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี ต้มกับน้ำใช้ดื่มแก้อาเจียนใช้ต้นสดโขลกคั้นเอาน้ำดื่ม แก้อาการเมาในกรณีผู้ที่เมามากๆช่วยให้สร่างเร็ว ส่วนหัวสามารถใช้แก้โรคเกลื้อน ท้องอืดท้องเฟ้อ โรคนิ่ว มากไปกว่านั้นยังสามารถทำเป็นยาช่วยนอนหลับช่วยลดความดันสูงน้ำมันตะไคร้หอมใช้ทากันยุงได้ ถ้าปลูกใกล้ผักอื่นๆ จะช่วยกันแมลงได้และยังให้กลิ่นหอม ที่ดับกลิ่นบางชนิดใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสม เพราะมีกลิ่นที่หอม และที่กำจัดยุงบางชนิดก็ใช้ตะไคร้เป็นส่วนผสมด้วยเนื่องจาก มีกลิ่นที่แรงจึง ช่วยทำให้ไล่ยุงได้ นอกจากนี้ตะไคร้ยังแก้กลิ่นคาวหรือดับกลิ่นคาวของปลา และเนื้อสัตว์ได้ดี
บทที่ 3
วิธีการดำเนินโครงงาน
ตารางปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน 1 - 26 มิถุนายน 2555
สัปดาห์ที่
|
กิจกรรมที่ปฏิบัติ
|
สถานที่ทำกิจกรรม
|
ผู้รับผิดชอบ
|
1
1-4 มิถุนายน 2555
|
- เลือกหัวข้อเรื่องการทำโครงงาน
|
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
|
ธัญญา,
เบญจพร
|
2
7-1มิถุนายน 2555
|
- ประชุมในกลุ่มให้ทุกคนเตรียม อุปกรณ์ต่างๆ
|
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
|
ธัญญา,
เบญจพร
|
3
14-18 มิถุนายน 2555
|
- ลงมือปฏิบัติจริง โดยสมาชิกในกลุ่มช่วยกันปฏิบัติ
|
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
|
ธัญญา,
เบญจพร
|
4
21-25มิถุนายน 2555
|
- เสนอตัวชิ้นงานส่งอาจารย์
|
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
|
ธัญญา,
เบญจพร
|
5
26 มิถุนายน 2555
|
- นำเสนออาจารย์ผู้สอนผ่านทางblogger
|
วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร
|
ธัญญา,
เบญจพร
|
บทที่ 3
วิธีดำเนินการโครงงาน
ในการจัดทำโครงงานวิทยาศาสตร์ ในการทำน้ำสมุนไพรเพื่อสุขภาพโดยใช้ต้นตะไคร้มาแปลงรูปเพื่อทำน้ำตะไคร้เพราะต้นตะไคร้มีสรรพคุณทางยารักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรค เช่น แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดและยังมีคุณค่าทางอาหาร เช่น มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับอาหารอีกด้วย มีวิธีการดำเนินงานดังนี้
ส่วนผสมในการทำเครื่องดื่ม “น้ำตะไคร้”
- ต้นตะไคร้ (ใช้ทั้งต้นและใบ) 5 ต้น
- น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย
- น้ำสะอาด 1 ถ้วย
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีการทำเครื่องดื่ม น้ำตะไคร้
- เตรียมส่วนผสมข้างต้นให้ครบตามจำนวน
- นำตะไคร้ไปล้างน้ำทำความสะอาด แล้วนำมาทุบให้แตก จากนั้นตัดต้นตะไคร้ให้เป็น ท่อนๆ ประมาณ 1 นิ้ว ส่วนใบตะไคร้ ก็ให้สับเป็นท่อนๆ หรือจะหั่นให้ละเอียดก็ได้ แล้วนำใส่หม้อ เติมน้ำสะอาด ลงไปนำขึ้นตั้งบนเตาไฟ
- พอน้ำเดือดก็ให้ลดไฟลง แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนรู้สึกว่าน้ำตะไคร้ ออกมาผสมกับ น้ำสะอาดมากพอแล้ว (วิธีสังเกต ให้ดูที่น้ำจะเห็นว่า น้ำจะมีสีเขียว)
- ใส่เกลือป่นลงไป เคี่ยวอีกสักพัก จนเห็นว่าตะไคร้ได้ มีการละลายออกมา ผสมรวมกันกับน้ำ หมดแล้ว ก็ใช้ทัพพี หรือกระชอนตักเอา ต้นตะไคร้ และใบตะไคร้ออก
- พอเอาต้นตะไคร้และใบตะไคร้ ออกหมดแล้วก็ เติมน้ำตาลทรายแดง ลงไปเคี่ยวสักพัก พอให้น้ำตาลทรายแดงละลายหมด ก็ให้ยกลงจากเตาไฟ
- ดื่มร้อนๆ ก็อร่อยดี หรือหากใครชอบดื่มแบบเย็นๆ ก็เอาน้ำแข็งใส่แก้ว แล้วก็เท น้ำตะไคร้ลงไป คนให้เข้ากัน ยกขึ้นดื่มก็อร่อยดีอีกแบบ
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล/ผลการจัดทำโครงงาน
ผลการทดลอง
โดยกลุ่มของดิฉันได้มีการทดลองในการทำน้ำตะไคร้ โดยการให้คนในครอบครัวและเพื่อนบ้านได้ทดลองชิมน้ำตะไคร้ที่เราทำขึ้นมา และได้สอบถามเกี่ยวกับรสชาติน้ำตะไคร้ ซึ่งประเมินด้วยเสียงส่วนมากจึงออกมาเป็นน้ำตะไคร้ที่มีรสชาติที่และอร่อยและยังมีสรรพคุณทางยาและอาหารอีกมาก
บทที่ 5
สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง
2. ช่วยประหยัดเงินและช่วยรักษาโรค
3. มีความสามัคคีในหมู่คณะ
ข้อเสนอแนะในการทดลอง
1. เราอาจนำสมุนไพรชนิดอื่นที่หาได้ง่ายตามครัวเรือนของคุณ
2. เราอาจนำตะไคร่ไปใช้ทำประโยชน์อย่างได้อีกมากมาย
3. ตะไคร่สามารถนำไปทำอาหารบำรุงร่างกายได้อีกด้วย